อาหารแห่งความสุข วันคริสต์มาส
โดย : พิมพ์พัดชา กาคำ
เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่วัน นั่นคือ วันคริสต์มาส แม้จะเป็นวันของชาวคริสต์แต่ประชาชนทั่วโลกก็ร่วมแสดงความยินดี
เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่วัน นั่นคือ วันคริสต์มาส แม้จะเป็นวันของชาวคริสต์แต่ประชาชนทั่วโลกก็ร่วมแสดงความยินดี โดยเฉพาะบ้านเราในขณะนี้ ไม่ว่าจะไปที่ใด ก็จะเห็นต้นคริสต์มาส และสีที่เกี่ยวข้องกับวันคริสต์มาส คือ สีแดง ที่มาจากผลฮอลลี่ หรือซานตาคลอส ส่วนสีเขียว เป็นตัวแทนของต้นไม้ เป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติ หมายถึงความอ่อนเยาว์และความหวัง สีขาว นั้นเป็นสีของหิมะ อีกนัยหนึ่งก็คือความบริสุทธิ์ ความสุข
วันคริสต์มาส สำหรับชาวยุโรป หมายถึง วันครอบครัว วันแห่งการพบปะสังสรรค์ กินอาหารร่วมกันตามประสาญาติพี่น้อง เมื่อพูดถึงอาหารในช่วงเทศกาลนี้ เห็นจะหนีไม่พ้นประเภท ‘ไก่งวง’ นอกนั้นเป็นอาหารทั่วไปเช่น มันฝรั่งอบ ไส้กรอก ขนมปัง ส่วนขนมเค้กโรยผงไอซิ่งขาวๆ เหมือนเกล็ดหิมะนั้นมีชื่อว่า Christstollen
ซึ่ง เชฟฮันส์ ปีเตอร์ แห่ง โรงแรมอมารี เอเทรียม ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นำเสนอเมนูคริสต์มาสแบบเยอรมัน ที่ชื่อว่า ‘Honey Glazed Duck with Appels On braised red cabbage And Potato dumplings’ เชฟฮันส์ บอกว่า หนึ่งปีก็ทำหนึ่งครั้ง เป็นอาหารพิเศษรับเทศกาลระลึกถึงพระเยซู เชฟเล่าว่า
“เมนูนี้ เป็นเทรดิชันแนล คริสต์มาส ของชาวเยอรมัน ต้นกำเนิดจริง ๆ เขาใช้ห่านมาอบ หลัง ๆ มานี้หาห่านยากก็เลยเปลี่ยนมาเป็นเป็ดอบแทน มีเครื่องเคียงเช่น potato dumplings เป็นมันฝรั่งบดข้างในมีขนมปัง เนย กับสมุนไพร แล้วนำมาปั้นเป็นลูกกลม ๆ แล้วเอาไปต้ม คล้ายลูกชิ้นขนมปัง และมีกะหล่ำปลีแดง อบในไวน์แดงและแอปเปิล ใส่ แอป เปิลเข้าไปข้างในตัวเป็ดด้วย เกรวี่เราทำพิเศษจากเรดไวน์ เมนูนี้เขาจะรับประทานกันในวันที่ 24-25 ธันวาคม ถ้าเราใช้ห่านก็จะตัวใหญ่กว่านี้ แต่เนื้อจะมันกว่า เราจะหมักเกลือ พริกไทย แอปเปิลไซเดอร์ หมัก 1 คืน แล้วอบใส่น้ำผึ้ง อบประมาณ 1 ชั่วโมง เสิร์ฟกับ Red Cabbage มีหอมใหญ่ แอปเปิล ผัดกับเนย ใส่ไวน์แดง น้ำตาล เคี่ยวประมาณ 45 นาที เกรวี่เวลาอบเป็ด มีน้ำออกมาเราเอาไวน์แดงไปผสมก็จะได้น้ำเกรวี่เข้มข้น”
อาหารฉลองคริสต์มาสอีกเมนู เชฟแนะนำ Pan fried veal fillet with truffle and prosecco saffron risotto dumplings เป็นจานคริสต์มาสจากประเทศอิตาลี เชฟอธิบายว่า
“สูตรนี้ใช้เห็ดทรัฟเฟิลดำ ใส่ครีม และแชมเปญจากอิตาลีด้วย เมนูเหล่านี้จะมีอยู่ในไลน์บุฟเฟ่ต์ จากเยอรมนียังมีขนมปังชื่อดัง ที่เป็นอาหารดั้งเดิมจากเยอรมนีตะวันออก เป็นสโตเลน เค้ก (Stollen Cake) สูตรนี้เขากินกันมา 700 ปีแล้วนะ มาจากชาวคริสตเตียนทำขนมเค้กเป็นลักษณะเหมือนเด็ก หรือลูก เป็นก้อน ๆ ยาว นิยมรับประทานกันในเยอรมนี ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีเค้กชนิดนี้กินในเทศกาลคริสต์มาส ตัวเค้กมีส่วนผสมของแป้ง ยีสต์ ผลไม้แห้ง ลูกเกด เค้กชนิดนี้ถ้าทำล่วงหน้า 1-2 เดือน จะอร่อยที่สุด ห่อกับน้ำตาลไอซิ่ง ประมาณเดือนตุลาคม หรือพฤศจิกายน เขาก็เริ่มทำกันแล้ว สามารถเก็บต่อได้อีก 2-3 เดือน ในยุโรปนะ ถ้าในประเทศไทยต้องเก็บไว้ในตู้เย็น เพราะอากาศร้อนชื้น ที่อังกฤษก็จะมีขนมสำหรับคริสต์มาสเรียกว่า อิงลิช พุดดิ้ง”
เชฟบอกว่า Stolen Cake มีสูตรแตกแขนงออกไปตามแต่ละภูมิภาค เช่น ใส่ถั่วชนิดต่าง ๆ ผลไม้แห้ง แตกต่างกันออกไป คนเยอรมันเรียกชื่อเต็ม ๆ ว่า Dresdner Christ Stollen with a Vanilla Cinnamon Essence ส่วนขนมคริสต์มาสสไตล์อังกฤษ หรือ Traditional English Christmas Pudding with Brandy ใส่เหล้าข้างใน และมีเบอร์รีต่างๆ เช่น แครนเบอร์รี แบล็คเบอร์รี
ส่วนในอิตาลี ขนมประจำเทศกาลคริสต์มาส คือ Pannetone มีรสหวานนุ่ม ในเมืองไทยวางขายทั่วไป ยังมีประเภทคุกกี้ ขนมปังขิง ทำออกมาเป็นรูปต่าง ๆ ที่สื่อถึงต้นคริสต์มาส หิมะ และวาระรื่นเริง ส่วนเครื่องดื่มแห่งการเฉลิมฉลองสำหรับคริสต์มาสของชาวเยอรมันคือ Mulled Wine ภาษาเยอรมันเรียกว่า Gluh Wein เป็นไวน์ต้มกับเครื่องเทศสมุนไพร เชฟชาวสวิส เล่าว่า
“สำหรับเครื่องดื่มผมเห็นที่ประเทศอังกฤษ เขานิยมดื่มเครื่องดื่มที่ชื่อ เอกน็อค (Eggknock) ทีแรกว่าจะทำให้ลองดื่มแต่ผมก็กลัวปัญหาเรื่องไข่ เพราะต้องใช้ไข่ดิบ ๆ วิธีทำใช้เหล้าริเคียวผสมกับไข่แดง น้ำตาลทราย หวานมาก ๆ ผมก็เลยเลือกทำ Mulled Wine หรือเยอรมันเรียก Gluh Wein เป็นไวน์ต้ม เวลาเราต้มอยู่ในบ้านจะส่งกลิ่นหอมมาก สูตรนี้คนอังกฤษ คนสวิตเซอร์แลนด์ คนเยอรมัน ล้วนชอบ สูตรจะคล้ายๆ กัน เบสิกมีไวน์แดง น้ำ ผิวส้ม น้ำตาล อบเชย”
ไวน์ร้อนที่ว่านี้ แถบอิตาลีตอนเหนือมักนิยมใช้ไวน์ขาว ที่ออสเตรียใช้ทั้งไวน์ขาวและไวน์แดง เชฟปีเตอร์บอกว่า ไม่จำเป็นต้องใช้ไวน์ราคาแพง ความจริงแอลกอฮอล์แบบร้อนไม่ได้มีเฉพาะไวน์เท่านั้น ยังมีเบียร์ที่ชื่อว่า Bockbier นับเป็นวัฒนธรรมของคนยุโรปตอนกลาง ที่มีอากาศหนาวมาก การดื่มไวน์ หรือเบียร์ร้อน ๆ ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นดี
เชฟปีเตอร์ลงมือปรุงไวน์ร้อนให้ชิม ใช้เวลาทำไม่นานเนื่องจากมีส่วนผสมไม่กี่อย่าง เช่น ไวน์แดง 4 แก้ว น้ำเปล่า 1/2 แก้ว ส้มซันคิส มะนาวเหลือง น้ำตาลทราย กานพลู และอบเชย ขั้นตอนการทำ ใส่น้ำตาลทรายลงไปในหม้อต้ม รวมทั้งกานพลูและอบเชย ปอกเปลือกส้มใส่ลงไปในหม้อ แล้วผ่าครึ่งบีบน้ำส้มลงไปด้วย จากนั้นทำแบบเดียวกันกับมะนาว คือปอกเปลือกมะนาวใส่ลงไปในหม้อ แล้วผ่าครึ่งบีบน้ำมะนาวใส่ลงไป จากนั้น เทไวน์แดง และน้ำเปล่าลงไป เปิดไฟกลางค่อยๆ ต้มไวน์ไม่ให้เดือด ประมาณ 20-30 นาที พอได้ที่แล้วตักเสิร์ฟขณะที่ยังร้อนๆ ดื่มแล้วชุ่มคอ แอลกอฮอล์ยังคงอยู่ครบ หอมกลิ่นเครื่องเทศ มีความหวานและเปรี้ยว หอมกลิ่นเปลือกส้ม และมะนาว ดื่มแล้วให้ความรู้สึกสุดพิเศษ
เมนูคริสต์มาสทั้งหมดนี้เชฟปีเตอร์บอกว่าไปชิมกันได้ที่ ห้องอาหารคาสเคด โรงแรมอมารี เอเทรียม กรุงเทพฯ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ช่วงวันที่ 24-25 ธันวาคม 2553
*****
พูดถึงสีสันแห่งการเฉลิมฉลอง ฟู้ดส์สไตล์ลีสชื่อดัง สุทธิพงษ์ สุริยะ เจ้าของ ขาบสตูดิโอ เล่าว่า เทรนด์สีปีนี้น่าจะเป็น ขาว-ฟ้า
"สังเกตดูให้ดี มาร์ธา สจ๊วต เขามีธีมคริสต์มาสเป็นขาวและฟ้าทุกปี เนื่องจากช่วงคริสต์มาสเป็นเวลาที่หนาวเย็น ท้องฟ้าเป็นสีเงินยวง บรรยากาศเป็นสีบลู ดังนั้นธีมคริสต์มาสของผม ปีนี้ก็จะเป็นสีฟ้าด้วยครับ...ธีมของผมก็จะมีสามสีด้วยกัน สีฟ้าคือความเยือกเย็น ก้อนน้ำแข็งในมหาสมุทร สีแดงคือสีของคริสต์มาส และสีขาวคือหิมะที่โปรยปราย... "
สี ที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้มีอยู่มากเช่น สีแดงของผลฮอลลี่หรือซานตาคลอส, สีเขียวของต้นไม้, สีทองของเทียนและดวงดาว, สีขาวโพลนของหิมะ ความหมายคือ สีแดงอาจหมายถึงไฟ เลือด และความโอบอ้อมอารี ส่วนสีเขียวเป็นตัวแทนของธรรมชาติ ความอ่อนเยาว์และความหวังมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ เทศกาลนี้ถือว่าเป็นเทศกาลแห่งความหวังด้วย ส่วนสีขาวนั้นคือแสงสว่าง ความบริสุทธิ์ ความสุข และความรุ่งเรือง สีขาวมักปรากฏอยู่บนชุดของนางฟ้าในวันคริสต์มาส หรือไม่ก็เป็นเคราของซานตาคลอส ชายเสื้อของซานต้า
นอกจากสีที่กล่าวมายังมีสีทองอีกด้วย ซึ่งสีทองนั้นเป็นสัญลักษณ์ของแสงอาทิตย์และความสว่างไสว ดังนั้นปีนี้คุณขาบ แห่งขาบสตูดิโอ ขอนำเสนอคริสต์มาสที่เป็นสีขาว-ฟ้า พร้อมฝากสูตรอาหารสำหรับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองนี้ไว้ 2 เมนู อย่า ได้แก่ Honey Apple Tart (ทาร์ตแอปเปิลอบน้ำผึ้ง) และ Pumpkin Cake (เค้กฟักทอง) และเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์อย่าง Raspberry Lemonade (น้ำราสพ์เบอร์รีกับมะนาว) เป็นเมนูของหวาน-เครื่องดื่ม ที่ทำง่าย สามารถทำได้ที่บ้าน ให้เตรียมฉลองกันอย่างเต็มที่ในเทศกาลแห่ง Jingle bell ที่ใกล้จะมาถึง...
ขนมปังสโตเลน (STOLLEN)
ส่วนผสม :
1. แป้งเค้ก 1000 กรัม
2.แป้งขนมปัง 1000 กรัม
3.ยีสต์ 60 กรัม
4.เกลือ 5 กรัม
5.ผงอบเชย 5 กรัม
6. ไข่ 4 ลูก
7. น้ำตาล 350 กรัม
8. เนย 350 กรัม
9. ลูกเกดดำ 400 กรัม
10. ถั่วอัลมอนด์ 300 กรัม
11. ผิวส้มเชื่อม 400 กรัม
12. เหล้ารัม 500 กรัม
13. นม 1100 กรัม
1. แป้งเค้ก 1000 กรัม
2.แป้งขนมปัง 1000 กรัม
3.ยีสต์ 60 กรัม
4.เกลือ 5 กรัม
5.ผงอบเชย 5 กรัม
6. ไข่ 4 ลูก
7. น้ำตาล 350 กรัม
8. เนย 350 กรัม
9. ลูกเกดดำ 400 กรัม
10. ถั่วอัลมอนด์ 300 กรัม
11. ผิวส้มเชื่อม 400 กรัม
12. เหล้ารัม 500 กรัม
13. นม 1100 กรัม
วิธีทำ :
นำแป้งเค้ก แป้งขนมปัง ยีสต์ ผงอบเชย ไข่ น้ำตาล เนย นม ผสมแล้วตีรวมกันจนเหนียว จากนั้นจึงใส่ลูกเกดดำ ถั่วอัลมอนด์ ผิวส้ม เหล้ารัม ตีพอเข้ากัน พักแป้ง 20 นาที ตัดก้อนละ 400 กรัม ปั้นใส่ถาดอบ พักไว้ 20 นาที แล้วอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส พอสุกก็นำไปแช่เนย แล้วโรยด้วยน้ำตาลทรายไอซิ่ง
นำแป้งเค้ก แป้งขนมปัง ยีสต์ ผงอบเชย ไข่ น้ำตาล เนย นม ผสมแล้วตีรวมกันจนเหนียว จากนั้นจึงใส่ลูกเกดดำ ถั่วอัลมอนด์ ผิวส้ม เหล้ารัม ตีพอเข้ากัน พักแป้ง 20 นาที ตัดก้อนละ 400 กรัม ปั้นใส่ถาดอบ พักไว้ 20 นาที แล้วอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส พอสุกก็นำไปแช่เนย แล้วโรยด้วยน้ำตาลทรายไอซิ่ง
ขนมพุดดิ้ง คริสต์มาส
ส่วนผสมที่ 1 :
1.ลูกพรุนแห้ง 400 กรัม
2.แอปเปิลแห้ง 500 กรัม
3.แอพริคอทแห้ง 400 กรัม
4.น้ำตาลทราย 600 กรัม
5.แครอท 300 กรัม
6.แอปเปิลสด 300 กรัม
7.ลูกเกดดำ 400 กรัม
8.ลูกเกดเหลือง 400 กรัม
9.ผงอบเชย 5 กรัม
10.ผลไม้รวม 300 กรัม
11.เหล้าบรั่นดี 50 กรัม
12.เหล้ารัม 100 กรัม
13.เบียร์ดำ 300 กรัม
14.น้ำส้ม 100 กรัม
1.ลูกพรุนแห้ง 400 กรัม
2.แอปเปิลแห้ง 500 กรัม
3.แอพริคอทแห้ง 400 กรัม
4.น้ำตาลทราย 600 กรัม
5.แครอท 300 กรัม
6.แอปเปิลสด 300 กรัม
7.ลูกเกดดำ 400 กรัม
8.ลูกเกดเหลือง 400 กรัม
9.ผงอบเชย 5 กรัม
10.ผลไม้รวม 300 กรัม
11.เหล้าบรั่นดี 50 กรัม
12.เหล้ารัม 100 กรัม
13.เบียร์ดำ 300 กรัม
14.น้ำส้ม 100 กรัม
ส่วนผสมที่ 2 :ไข่ไก่ 5 กรัม
แป้งขนมปัง 300 กรัม
ถั่วอัลมอนด์บด 250 กรัม
เกล็ดขนมปังป่น 250 กรัม
แป้งขนมปัง 300 กรัม
ถั่วอัลมอนด์บด 250 กรัม
เกล็ดขนมปังป่น 250 กรัม
วิธีทำ :
นำส่วนผสมที่ 1 หมักไว้ 1 คืน จากนั้นนำส่วนผสมที่ 2 ใส่รวมกับส่วนผสมที่ 1 แล้วเทใส่พิมพ์ขนมเป็นถาดสี่เหลี่ยม แล้วนำขนมไปใส่ถาดอบที่มีขนาดใหญ่กว่าพิมพ์ขนมที่เป็นถาดสี่เหลี่ยม เทน้ำลงในถาด แล้วนำไปอบอุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส นาน 6-7 ชั่วโมง
นำส่วนผสมที่ 1 หมักไว้ 1 คืน จากนั้นนำส่วนผสมที่ 2 ใส่รวมกับส่วนผสมที่ 1 แล้วเทใส่พิมพ์ขนมเป็นถาดสี่เหลี่ยม แล้วนำขนมไปใส่ถาดอบที่มีขนาดใหญ่กว่าพิมพ์ขนมที่เป็นถาดสี่เหลี่ยม เทน้ำลงในถาด แล้วนำไปอบอุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส นาน 6-7 ชั่วโมง
ทาร์ตแอปเปิลอบน้ำผึ้ง
ส่วนผสม : (สำหรับ 2 ถาด)
แอปเปิลแดง 3-4 ลูก
ลูกเกด ? ถ้วย
น้ำผึ้ง ? ถ้วย
น้ำมะนาวเขียว 2 ลูก
แป้งทาร์ตสำเร็จรูป 200 กรัม
ลูกเกด ? ถ้วย
น้ำผึ้ง ? ถ้วย
น้ำมะนาวเขียว 2 ลูก
แป้งทาร์ตสำเร็จรูป 200 กรัม
วิธีทำ :
ตั้งเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส รีดแป้งทาร์ตให้เป็นแผ่นบางประมาณ ? - 1 เซนติเมตร กรุแป้งให้รอบก้นพิมพ์ สไลซ์แอปเปิลตามแนวขวางประมาณ 1 -2 เซนติเมตร นำไปแช่น้ำมะนาวประมาณ 5 นาที และนำไปหมักในน้ำผึ้งประมาณ 10 นาที จัดเรียงบนแป้งทาร์ตให้สวยงาม โรยลูกเกดให้ทั่ว ราดด้วยน้ำผึ้งอีกครั้ง นำเข้าเตาอบ ประมาณ 30 นาที หรือจนกระทั่งแอปเปิลนิ่ม
ตั้งเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส รีดแป้งทาร์ตให้เป็นแผ่นบางประมาณ ? - 1 เซนติเมตร กรุแป้งให้รอบก้นพิมพ์ สไลซ์แอปเปิลตามแนวขวางประมาณ 1 -2 เซนติเมตร นำไปแช่น้ำมะนาวประมาณ 5 นาที และนำไปหมักในน้ำผึ้งประมาณ 10 นาที จัดเรียงบนแป้งทาร์ตให้สวยงาม โรยลูกเกดให้ทั่ว ราดด้วยน้ำผึ้งอีกครั้ง นำเข้าเตาอบ ประมาณ 30 นาที หรือจนกระทั่งแอปเปิลนิ่ม
เค้กฟักทอง
ส่วนผสม : (สำหรับเค้ก 3 ปอนด์)
ส่วนผสมตัวเค้ก1. เนย 300 กรัม
2. น้ำตาลทรายแดง 280 กรัม
3. ไข่เบอร์ 1 5 ฟอง
4. แป้งอเนกประสงค์ 300 กรัม
5. ผงฟู 20 กรัม
6. ผงอบเชย 15 กรัม
7. เกลือ ? ช้อนชา
8. ฟักทองนึ่งบดละเอียด 150 กรัม
9. หัวเชื้อวานิลลา 2-3 หยด
2. น้ำตาลทรายแดง 280 กรัม
3. ไข่เบอร์ 1 5 ฟอง
4. แป้งอเนกประสงค์ 300 กรัม
5. ผงฟู 20 กรัม
6. ผงอบเชย 15 กรัม
7. เกลือ ? ช้อนชา
8. ฟักทองนึ่งบดละเอียด 150 กรัม
9. หัวเชื้อวานิลลา 2-3 หยด
ส่วนผสมตัวครีม :
1. วิปปิ้งครีม 400 กรัม
2. น้ำตาลทรายละเอียด 50 กรัม
1. วิปปิ้งครีม 400 กรัม
2. น้ำตาลทรายละเอียด 50 กรัม
วิธีทำ :
ตั้งเตาอบด้วยอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมพิมพ์ขนาด 3 ปอนด์ ทาเนยรอบพิมพ์และโรยแป้ง ตีเนยกับน้ำตาลทรายให้ขึ้นฟูประมาณ 10 นาทีด้วยความเร็วปานกลาง ทยอยใส่ไข่ทีละฟอง ประมาณ 10 นาที หรือจนกระทั่งส่วนผสมเข้ากันและขึ้นฟู ร่อนแป้งอเนกประสงค์ ผงฟู ผงอบเชย และเกลือเข้าด้วยกัน ตะล่อมใส่ลงไปในส่วนผสมที่ตีไว้ ค่อยๆ ผสมให้เข้ากันอย่างเบามือจนหมด ใส่เนื้อฟักทองนึ่งบดละเอียดลงไปผสม พอให้เข้ากัน ใส่ลงในพิมพ์ นำเข้าเตาอบประมาณ 40 นาทีหรือจนกระทั่งสุกพอสุก นำตัวเค้กออกจากพิมพ์ และทิ้งไว้ให้เย็น มาทำตัวครีมโดยตีครีมกับน้ำตาลทรายละเอียด ให้ขึ้นฟูด้วยความเร็วสูง ประมาณ 3-5 นาที นำมาปาดตัวเค้กให้ทั่ว นำไปแช่ตู้เย็นก่อนเสิร์ฟ 30 นาที
น้ำราสพ์เบอร์รีกับมะนาว
ส่วนผสม :
1. ราสพ์เบอร์รีแช่แข็ง ? ถ้วย
2. น้ำเชื่อม ? ถ้วย
3. น้ำเปล่า ? ถ้วย
4. น้ำมะนาวเหลือง 2 ลูก
5.เกลือ ? ช้อนชา
2. น้ำเชื่อม ? ถ้วย
3. น้ำเปล่า ? ถ้วย
4. น้ำมะนาวเหลือง 2 ลูก
5.เกลือ ? ช้อนชา
วิธีทำ :นำราสพ์เบอร์รีแช่แข็ง น้ำเชื่อม น้ำมะนาวเหลือง น้ำเปล่า และเกลือ มาปั่นรวมกันให้ละเอียด นำไปกรองผ่านตะแกรงตาถี่ และนำไปแช่เย็น ก่อนเสิร์ฟประมาณ 1 ชั่วโมง เทใส่แก้วสวยๆ