วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เปิด!54 กลเม็ดเคล็ดลับ'การออม-ลงทุน'


โดย : กาญจนา หงษ์ทอง


กรุงเทพธุรกิจ ได้รวบรวม"54 Money Tips"กลเม็ดเคล็ดลับทั้งการออม การลงทุน จาก 54 คนในหลากหลายวงการ มานำเสนอเป็นของขวัญปีใหม่ 2554




คงไม่มีพรอะไรจะดีไปกว่า การทำตัวเองให้ปี 2554 ที่กำลังเดินทางมาถึง  เป็นปีที่คุณมีสุขภาพการเงินแข็งแรง  สุขภาพกายฟิตปั๋ง  Fundamentals หวังว่าจะเป็นอาหารเสริมที่ทำให้สุขภาพการเงินของคุณดีวันดีคืน  และในโอกาสปี 2554  จึงได้รวบรวม "54 Money Tips" จาก 54 คนในหลากหลายวงการ มานำเสนอในฉบับแรกของปีกระต่าย  กลเม็ดเคล็ดลับทั้งการออม การลงทุน การใช้จ่าย  และการวางแผนการเงิน จากคนเหล่านี้  อาจไม่สามารถทำให้คุณสุขภาพการเงินดีขึ้นอย่างทันตา  แต่อย่างน้อยก็น่าจะช่วยกระตุกให้คุณใส่ใจเรื่องเงินๆ ทองๆ ขึ้นมาบ้าง 
 ******
1."วรวรรณ ธาราภูมิ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง
 "อย่ามัวแต่ทำงานหาเงินมาเก็บและฝากธนาคารเพียงอย่างเดียว ให้เงินทำงานด้วยตัวของมันเองด้วย เงินเก็บจากการทำงานเพียงอย่างเดียวจะไม่พอใช้ในยามเกษียณ คุณรู้ไหมว่ามีอีกหลายช่องทางที่คุณสามารถให้เงินของคุณไปลงทุนให้งอกเงยได้"
2."อุมาพันธุ์ เจริญยิ่ง" ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนการเงินส่วนบุคคล ธนาคารกสิกรไทย
 "เอาเป็นว่า ปีใหม่นี้ใช้หลัก  ห้า ต.เต่า  ละกันค่ะ “ ตรวจ ตั้ง ตัด ต้อง ติด ” พิชิตปีกระต่าย เริ่มต้นปีเริ่มพิชิตแผนการเงินจาก  ตรวจ สุขภาพการเงิน เพื่อให้รู้ฐานะความมั่งคั่งของเราว่า ปีที่ผ่านมาทรัพย์สินเรางอกเงยแค่ไหน   ตั้ง เป้าหมายที่ท้าทาย เพื่อเป็นหลักชัยและแรงใจในการเก็บเงิน ทำให้รู้ว่า เราต้องเก็บเงินเท่าไหร่ เพื่ออะไร ใช้เวลาแค่ไหน   ตัด เงินออมและลงทุนเป็นค่าใช้จ่ายตัวแรก ถ้าจะให้ดี ตัดเข้าบัญชีลงทุนในกองทุนรวมเป็นรายเดือนทุกๆ เดือน  ต้อง กระจายการลงทุน ตลาดการเงินมีความผันผวน ควรกระจายลงทุนให้เหมาะกับกระเป๋าของเรา และความเสี่ยงที่เรารับได้  ติด ตามข่าวสารสม่ำเสมอ เพื่อให้ทันสลับปรับเปลี่ยนการลงทุนให้เหมาะกับภาวะตลาด  เพียงเท่านี้ เต่าก็ชนะกระต่ายได้แล้ว"
3."ชลลดา  เมฆราตรี" นางแบบและพิธีกร 
 "สาวๆ ส่วนใหญ่ มักจะคิดว่าการวางแผนการเงินเป็นศัตรูตัวฉกาจกับสิ่งที่ตนเองหลงใหลนั่นคือการชอปปิง ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสได้คุยกับคุณเดิมพัน อยู่วิทยาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งได้พบความจริงว่า จริงๆ แล้ว ทั้งสองคือของคู่กัน เพราะถ้าจะเก็บเงินแล้วแต่ไม่มีโอกาสใช้หรือช้อป ก็คงไม่มีความสุข แต่จะทำอย่างไรที่จะช้อปแล้วมีเหลือเก็บไว้ใช้ในอนาคตด้วย นั่นคือ การแบ่งบัญชีให้เป็นสัดส่วนคือ 1.รายจ่ายส่วนตัวและครอบครัว 2.ชอปปิง 3.เงินออมเพื่อปัจจัยสี่ในอนาคต 4.เงินออมเพื่อความสุขในอนาคต ซึ่งก็คือชอปปิงและท่องเที่ยวนั่นเอง  5.การจัดการความเสี่ยง และ 6.เงินทำบุญ พยายามทำตามแผนที่กำหนดใหม่ๆ อาจทำได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็ดีกว่าไม่เคยลงมือทำ"
4."นวลพรรณ  ล่ำซำ" กรรมการผู้จัดการ    บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
 "ในโอกาสปีใหม่นี้  เราน่าจะเริ่มต้นสิ่งดีๆ ด้วยการวางแผนการเงิน ทั้งจดบันทึกรายรับ รายจ่าย ต่อเดือน และที่สำคัญ ควรจะต้องจัดสรรรายได้บางส่วนในการ “ออม” ไม่ว่าจะเป็นการออมเงิน หรือว่าจะเป็นการซื้อประกันชีวิตเพื่อการออมเงินในระยะยาว หรืออาจจะเป็นการซื้อประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ ที่ถือว่าเป็นการจัดการและวางแผนทางเงินที่เหมาะกับคนในยุคปัจจุบัน "
 5."จิรวรา วีรยวรรธน" กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ 
 “ถ้าคนไม่เคยวางแผนการเงินเลย ปีนี้ลงมือวางแผนการเงินได้แล้ว  จะรออะไร ยิ่งวางแผนการเงินได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น การวางแผนการเงินทำให้เรามองอนาคตได้ชัดเจนขึ้น และวางแผนชีวิตได้ถูกต้อง  คนไม่รู้จะเริ่มต้นออมเงินยังไง ควรเริ่มจากตัดเงินจากบัญชีเงินเดือนอัตโนมัติทุกเดือนเพื่อซื้อกองทุนรวมLTFหรือRMF นอกจากจะได้ผลตอบแทนดีกว่าเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์ปกติแล้ว ยังใช้หักภาษีได้ด้วย   หรือไม่ก็ซื้อประกัน   ถ้าเป็นคนไม่อยากเสี่ยงเลย ลงทุนกับการซื้อสลากออมสินก็เป็นทางเลือกที่ดี  ส่วนใครที่จ่ายภาษีปีละมากๆ และไม่เคยลงทุนในกองทุนประหยัดภาษีเลย น่าเสียดาย  ตัวเองก็เพิ่งเริ่มลงทุนในกองทุนประหยัดภาษีเมื่อไม่นานมานี้ ยังคิดอยู่ตลอดว่าน่าจะเริ่มเร็วกว่านี้ ยิ่งช่วงนี้ตลาดหุ้นดีต่อเนื่อง ถ้าวางแผนการเงินการลงทุนไว้แต่แรก ป่านนี้ก็จะได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำไปแล้ว "
6."ลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์" กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส 
 "ควรลงทุนบนพื้นฐานของความเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของผู้ลงทุน ควรจัดพอร์ตการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความหลากหลาย เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีขึ้น โดยต้องคำนึงถึงสภาวะการลงทุนแต่ละช่วง และจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมตามสภาวะเศรษฐกิจ ผู้ลงทุนจะต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยในปีหน้า แนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในแถบภูมิภาคเอเชีย และหุ้นในประเทศจะมีความน่าสนใจกว่าภูมิภาคอื่น ”
7."ธีระนาถ รุจิเมธาภาส" กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้
 "การจัดสรรเงินลงทุนให้เหมาะสมถือเป็นเรื่องที่สำคัญ สำหรับการลงทุน ผู้ลงทุนควรแบ่งเงินไปลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ เงินฝาก รวมทั้งจัดสรรเงินไปลงทุนในต่างประเทศบ้าง โดยเฉพาะการลงทุนในต่าง
ประเทศนั้นนับว่ามีทางเลือกในการลงทุนอีกหลากหลาย ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระจายความเสี่ยงแล้วยังมีโอกาสเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนได้อีกด้วย"
8."นิติกร ตันติธรรม"กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี
 "ผมขอแนะนำการลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวในตราสารทุนหรือตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทพลังงานชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้เพราะธุรกิจพลังงานจะยังคงเป็นดาวรุ่งทั้งในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นหรือขาลง หากการลงทุนต้องการความมั่นคงก็ธุรกิจโรงไฟฟ้า หากต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าควบคู่กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นก็พิจารณาธุรกิจด้านถ่านหิน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่จะยังคงเป็นพระเอกตลอดไปอีกนานหลายๆ ปี เพราะธุรกิจพลังงานทางเลือกที่ฟังดูหรูหราก็ยังไม่สามารถมาทดแทนได้เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและเทคโนโลยี"
9."วิเชฐ ตันติวานิช" ประธานกรรมการบริหาร  สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการเชิงสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
 "สำหรับปี 2554 นี้ ผมขอฝากให้คนไทยตั้งใจทำในสิ่งที่คิดว่าดีกับตัวเองโดยไม่เบียดเบียนคนอื่น แน่นอนว่าทุกคนอยากมีฐานะดีขึ้น จะได้ใช้ชีวิตที่มีคุณภาพขึ้น แต่สิ่งที่ตั้งใจนั้นจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไม่ทำมันด้วยความเข้าใจและตั้งใจ ผมขอมอบสูตรลับความสำเร็จภายใน 9 วิ ให้คนไทยทุกคนลองเอาไปใช้ดังนี้ครับ วิชา (Knowledge) วิทยายุทธ์ (Strategy) วิเคราะห์ (Analysis) วิจารณญาณ (Consider) วิจารณ์ (Critic)
วิปัสสนา (Concentrate) วิสามัญ (Super) วินัย (Discipline) และ วิวาห์ (Commitment)"
10."โชติกา สวนานนท์" กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ 
 "ในปี 2554 คาดว่ามีโอกาสทำกำไรจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ผู้ลงทุนควรจัดสัดส่วนและกระจายการลงทุน หรือ Asset Allocation ในสินทรัพย์ เช่น ตราสารหนี้ หุ้น ทอง หรือ อสังหาริมทรัพย์ ตามความเสี่ยงและผลตอบแทนที่รับได้ หากคาดหวังผลตอบแทนมากขึ้นการลงทุนในหุ้นหรือตลาดต่างประเทศน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งให้แก่ผู้ลงทุน และผู้ลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงแต่ยังหวังในผลตอบแทนอยู่บ้างควรลงทุนในกองทุนที่มีลักษณะคุ้มครองเงินต้นซึ่งนอกจากจะให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากการลงทุนในหุ้นบางส่วนแล้วยังคุ้มครองเงินต้นให้แก่ผู้ลงทุนสบายใจอีกด้วย"
11."สานุพงศ์  สุทัศน์ธรรมกุล" นักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)
 "การออมเงินในออมทรัพย์เพียงอย่างเดียว ให้อัตราผลตอบแทนที่ต่ำและทำให้ความมั่งคั่งของนักลงทุนลดลงในระยะยาว การจัดสรรการลงทุนให้เหมาะสมจะช่วยให้นักลงทุนรักษาความมั่งคั่งได้ และด้วยความหลากหลายของกองทุนรวม จะช่วยให้การจัดสรรเงินลงทุนตามระดับความเสี่ยงของแต่ละคนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น "
12."เรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอกวิทย์ เวลท์แพลนเนอร์ จำกัด
 "คนเรามีความต้องการในชีวิตที่หลากหลาย บางอย่างสามารถทำให้สำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น บางอย่างต้องใช้เวลานานจึงจะเห็นผล เช่น เราอาจจะมีแผนพาครอบครัวไปทัวร์เหยียบหิมะที่เกาหลีปลายปี 2554 และอยากจะเกษียณแบบสบายๆ มีเงินใช้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 40,000 บาทในอีก 20 ปีข้างหน้า  ดังนั้น การจัดพอร์ตลงทุนจึงควรสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินด้วย เช่น สำหรับพอร์ตระยะสั้น ซึ่งต้องการความแน่นอนของผลตอบแทนและเงินต้นสูง ควรมีสัดส่วนการลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้ระยะสั้นสูง มีการลงทุนในหุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์สิ่งมีความผันผวนมากกว่าต่ำ ในทางตรงกันข้ามสำหรับพอร์ตการลงทุนยาวๆ  ก็ควรจะเน้นทรัพย์สินที่จะให้ผลตอบแทนสูงได้ในระยะยาว เช่น หุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ไม่ควรมีเงินฝากธนาคารอยู่ในพอร์ตนี้เลย สุดท้ายอย่าลืมว่า พอร์ตการลงทุนทุกพอร์ตที่มีอยู่ ควรปรับสัดส่วนให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่เหลืออยู่ด้วย เช่น สำหรับการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุผ่าน RMF นั้น ตอนเราอายุ 40 เราน่าจะถือ RMF ที่เน้นลงทุนในหุ้นทั้ง 100% ตอนเราอายุ 50 พอร์ตควรเปลี่ยนเป็น RMF หุ้น 50% และRMF ตราสารหนี้ 50% ตอนอายุ 54 ควรกลายเป็น RMF ตราสารหนี้ระยะสั้นไม่ต่ำกว่า 90%"

13."พิมพ์เพ็ญ ลัดพลี " ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาตลาดตราสารหนี้รัฐบาล สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง 
 "สำหรับคนที่ไม่เคยออมเงินเลย ควรเริ่มต้นด้วยการออมแบบบังคับแต่เริ่มด้วยจำนวนที่น้อยก่อน โดยการหักบัญชีธนาคารอัตโนมัติเข้าบัญชีออมทรัพย์ก็ได้ หักเงินซื้อกองทุน LTF-RMF รายเดือนก็ดี หรือจะเป็นการซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตก็น่าสนใจ ซึ่งสามารถนำไปหักภาษีได้ด้วย และเมื่อเก็บเงินออมได้จำนวนหนึ่งก็จะรู้สึกว่า ชีวิตมีความมั่นคงและจะรู้สึกอยากออมเงินเพิ่มขึ้นเอง แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องเริ่มสร้างวินัยในการออมวันนี้     ส่วนคนที่มีเงินมากหน่อยอาจลงทุนในทองคำ หุ้น หรือพันธบัตรที่อ้างอิงกับเงินเฟ้อ แต่สัจธรรมก็คือ ผลตอบแทนและความเสี่ยงเป็นของคู่กัน"
14."วนา พูลผล"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี
 "ปี 2554 เป็นปีที่หลายคนอาจจะต้องเริ่มใส่ใจเรื่องเงินฝากกันมากขึ้น   เพราะสถาบันคุ้มครองเงินฝากเริ่มทยอยลดวงเงินการคุ้มครอง  จึงอยากจะแนะผู้มีเงินฝากว่า  ยังมีกองทุนรวมบางประเภทเช่น กองทุนตราสารตลาดเงิน และกองทุนตราสารหนี้ที่ความเสี่ยงน้อยและให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝาก  นี่อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการกระจายเงินฝากก็ได้"
15."ดารบุษป์ ปภาพจน์" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด 2  บลจ.กรุงไทย 
 "อย่าลืมให้ความสนใจกับตนเองบ้าง   ขอให้เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการหาเวลาในวันหยุดยาวมาจัดระเบียบชีวิตตนเอง  โดยให้ความใส่ใจในรายละเอียดด้านการเงินของตน ทั้งรายรับรายจ่าย ดูว่ามีรายจ่ายอะไรที่ลดได้แต่ยังไม่ได้ลด วางแผนหักเงินอัตโนมัติจากบัญชีเงินเดือนทุกเดือนเพื่อลงทุนในกองทุนประหยัดภาษีอย่างเป็นเรื่องเป็นราว จงอย่ารอเมื่อพร้อม เพราะนั่นคือการปล่อยให้เงินของเราตรงหน้าลอยหายไปนั่นเอง"
16."พลอย จริยะเวช "คอนเซปต์ดีไซเนอร์ คอลัมนิสต์และนักแปล 
 "ออมเงินด้วยการฝากประจำบ้าง ซื้อกองทุนนิดหน่อย ที่แยะเป็นพิเศษคือลงทุนซื้อทองคำเก็บไว้ สามีจัดการให้ เขาบอกว่าอุ่นใจกว่าหุ้นยังไงก็มีทองคำอยู่ในมือ และถ้าขายถูกจังหวะก็ได้กำไรจากทองคำแยะอยู่ ธุรกิจที่พลอยทำอยู่ก็ไปได้ดี มีบริษัทรับทำคอนเซปต์ Urbanista Concept Studio เล็กๆ พอเพียงไม่จ้างคนแยะ ไม่เช่าออฟฟิศ รับลูกค้าปีละ 2-3 ราย ไม่กดดันหรือต้องเร่งทำยอดทำกำไรอะไร เพราะพลอยมีรายได้ทางอื่นๆ ด้วย "
17."สาธิต สุดบรรทัด" รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด  บริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน)
 “ความสำเร็จของการบริหารธุรกิจอยู่ที่การกำหนดและปรับกลยุทธ์ที่ใช้ เพื่อผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ให้บรรลุเป้าหมาย ในชีวิตส่วนตัวก็เช่นกัน เราควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะมีเงินออมเท่าไหร่เก็บไว้ใช้ในอนาคต ไม่มีอะไรที่ช้าเกินไปที่จะเริ่มคิดถึงการเก็บออมรูปแบบต่างๆ ที่นำเสนอเพื่อเป็นทางเลือกจากสถาบันการเงิน  เลือกการออมแบบที่เราชอบและต้องไม่เป็นภาระถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการจัดวินัยทางการเงินให้ตนเอง”
18."ทรงเกียรติ  วัฒนวิทย์" กรรมการผู้จัดการ  บริษัท เอส.พี.ซี พรีเชียส เมททอล จำกัด
 "ปีหน้าเงินเฟ้อ อาจจะกลับมาเป็นปัญหาที่กัดกร่อน  ผลตอบแทนอีก  ดังนั้นเราควรมองหาวิธีการลงทุนที่สามารถต้านทาน ภาวะเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดีซึ่งนั่นก็คือ ทองคำ การลงทุนทองคำในปีหน้ายังน่าสนใจเพราะภาวะเศรษฐกิจทั้งอเมริกาและยุโรปยังไม่สามารถฟื้นตัว ในระยะสั้นได้ แต่อย่างไรก็ตามให้คิดว่า การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาทุกครั้งก่อนการตัดสินใจ"
19."อรณิชา ด่านไมตรี" ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์  บริษัท เดอะซิกเนเจอร์แบรนด์ จำกัด
 “ เวลาจะใช้จ่าย หลักคิดที่ใช้อยู่ คือ 3 คำ นี้ คือ 1.จำเป็น 2.โอกาส และ 3. สำรองกรณีฉุกเฉิน  ภายใต้การแบ่งสัดส่วนของรายได้ที่มีทั้งหมด ซึ่งในด้านความจำเป็นนั้น หมายถึงรายจ่ายหลักที่เราต้องรับผิดชอบทั้งหมดในทุกๆ ด้าน เอาเป็นตัวตั้งในการแบ่งสัดส่วนการออมเงินก่อน เช่น 55% ของรายได้ จากนั้นพอทราบส่วนที่เหลือก็แบ่งครึ่งระหว่างการหาโอกาสในการลงทุน  เช่น การซื้อพันธบัตรหรือกองทุนต่างๆ ที่มีระยะเวลาพอสมควร เพื่อหาโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่ม ซึ่งในบางครั้งจะดีกว่าการฝากเงินธรรมดาที่ได้ดอกเบี้ยน้อย ส่วนที่เหลือก็คือเงินสดสำรองไว้ใช้กรณีฉุกเฉิน "
20."อรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร" ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวาณิชธนกิจ  บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด
 "การลงทุนในปี 2554 ถือเป็นปีที่มีความท้าทายอย่างยิ่ง ทั้งตลาดหุ้นผันผวน จากกระแสเงินนอกที่ไหลเข้าจากมาตราลดค่าเงินดอลลาร์ทางอ้อมของสหรัฐ และมาตรการปรับขึ้นดอกเบี้ยของแบงก์ชาติ เพื่อกระชับความร้อนแรงของตลาดอสังหาฯ หากแบ่งการลงทุนเป็นกองหน้า ซึ่งหมายถึงหุ้นทุน เพื่อสร้างความมั่งคั่ง กองกลางหมายถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นลูกผสมระหว่างหุ้นทุนกับหุ้นกู้ และหุ้นกู้ภาคเอกชนซึ่งเป็นการลงทุนระยะปานกลางและยาว และกองหลัง เพื่อความปลอดภัย หมายถึง เงินฝากธนาคาร และพันธบัตรออมทรัพย์และพันธบัตรรัฐบาล ยังมองว่าหุ้นทุนน่าจะไปต่อได้ โดยน่าจะใกล้เคียงหรือมากกว่าผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของหุ้นทุนที่ประมาณ 10-12% ต่อปี ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ก็น่าสนใจเพื่อเป็นตราสารที่สามารถเงินเฟ้อได้ และหุ้นกู้ภาคเอกชน เพราะคิดว่าแนวโน้มดอกเบี้ยน่าจะปรับสูงขึ้น โดยสัดส่วนผมคิดว่า 4:4:2 สำหรับคนวัยทำงานถึงวัย 35 ปีอย่างผม แต่สำหรับคนมี Appetite ของความเสี่ยงต่ำกว่าอาจจะยืดหยุ่นเป็น 3:4:3 ได้เหมือนกัน แต่สูตรกลางต้องแน่นไว้ก่อน"
21."มนตรี ศรไพศาล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) 
 "อึดอัดใจกับเงินฝากดอกเบี้ยต่ำกันมานาน  อยากลงหุ้นก็เคยพลาดบ่อยเคล็ดลับสำคัญคือ ลงกองทุน เช่น ETF ดัชนีหุ้น “ทุกๆ เดือน” เป็น “เงินเท่าๆ กัน” จะเสี่ยงน้อย ผลตอบแทนดี เหมาะกับการลงทุนตั้งแต่ 5-10 ปีขึ้นไป จากสถิติปี 1999 - 2010 เงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 1 ล้านบาท จะกำไร 2.85 ล้านบาท แต่ฝากธนาคาร จะได้เพียง 3.5 แสนบาทเท่านั้น และควรลง RMF และ LTF เต็มที่ เพราะได้ประโยชน์ภาษีแถมอีกด้วย"
22."ศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์" ประธานกรรมการบริหารประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT
 “ความจนเกิดจากรายจ่ายมากกว่ารายรับ เราไม่ใช่ผู้กำหนดรายรับ แต่เราเป็นผู้กำหนด รายจ่าย หากเรามีการวางแผนควบคุมรายจ่ายให้สอดคล้องกับรายรับแล้ว ความจนก็จะไม่เกิด”
 
23."ต่อ อินทวิวัฒน์ " ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน  บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด 
 "หลายคนคงมีแผนจะเริ่มต้นทำอะไรหลายๆ อย่างในปีใหม่ที่จะมาถึง ก็อยากจะเตือนทุกท่านว่าอย่าลืมเริ่มต้นวางแผนการจัดสรรการลงทุนด้วย เดี๋ยวนี้ผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนมีมากมาย ทั้งการลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน  หรือกระทั่งการลงทุนในต่างประเทศ  ทั้งนี้การจัดสรรพอร์ตการลงทุนแต่ละท่านอาจจะไม่เหมือนกันตามความเสี่ยงในการลงทุนของแต่ละท่าน และแน่นอนครับผลตอบแทนที่ได้ของแต่ละท่านก็จะไม่เหมือนกัน  หากอยากรู้ว่า จะลงทุนอะไร เท่าไร จึงจะเหมาะสมกับตัวเรา ลองกำหนดเป้าหมายทางการเงินเพื่อความสำเร็จทางการเงินของคุณ"
24."พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์" รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 
 “ทิศทางการลงทุนทองคำในปี 2554 เชื่อว่ายังมีโอกาสทำกำไรจากราคาทอง ที่คาดจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,200-1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ควรระมัดระวังเรื่องความผันผวนของราคาที่มีค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการลงทุนในระยะสั้น เพราะปัจจุบันทองคำไม่ใช่เป็นแค่การออม แต่เป็นสกุลเงินไปแล้ว นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงเรื่องค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นด้วย"
25."พรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)
 "เรื่องสัดส่วนในการออมของแต่ละคนคงแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกัน แต่เงินออมที่นำมาใช้ในการลงทุนของตนเองนั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่มีสภาพคล่องสูง เช่น เงินฝาก กับส่วนที่เป็นการลงทุนระยะยาว โดยมีสัดส่วน 20:80 เพราะส่วนที่มีสภาพคล่องสูงให้ผลตอบแทนต่ำ แต่ให้ความยืดหยุ่นแก่เรา และจำเป็นต้องมีเผื่อไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ส่วนที่เหลือ 80% นั้นใช้สำหรับการลงทุนระยะยาวทั้งหมด โดยมีทั้งส่วนที่เป็นตราสารหนี้ หุ้น และอสังหาริมทรัพย์ (20%:50%:30%) การวัดผลตอบแทนจากการลงทุนก็เหมือนการวิ่งระยะยาว ต้องดูกันนานๆ อย่าไปสนใจเวลามีใครมาคุยโอ้อวดว่าเขาได้ผลตอบแทนเท่านั้น เท่านี้ เพราะการลงทุนไม่ใช่การเล่นการพนัน ที่วัดกันเป็นรอบๆ เราควรตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและศึกษาหาข้อมูลอย่างจริงจัง อย่าทำตามกระแส ”
26."ชลาทร รอดโพธิ์ทอง" ผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ   บล.ธนชาต จำกัด (มหาชน)
 “การลงทุนในปี 2554 ยังต้องใช้ความระมัดระวัง ถึงแม้ว่าแนวโน้มการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศคาดจะมีความต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่ปัญหาเงินเฟ้อจะกดดันผลตอบแทนที่จะได้ในอนาคตเช่นกัน ในฐานะที่ทำงานอยู่ในตลาดทุน อยากแนะนำให้นักลงทุนศึกษาและติดตามข้อมูลข่าวสาร เพื่ออัพเดททิศทางการลงทุนใน หุ้น/กองทุน/ตราสารอนุพันธ์/ทอง เพื่อปรับเปลี่ยนพอร์ตของตนเองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเข้าร่วมงานสัมมนา หรือหลักสูตรต่างๆ ที่จัดโดย TSI หรือสถาบันการเงินต่างๆ ที่จะเริ่มมีขึ้นตั้งแต่ต้นปีหน้า เป็นต้นไป ทั้งนี้ตลอดปี 2554 นักลงทุนควรติดตามข้อมูลข่าวสาร แนวโน้มทางด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การค้า ตลอดจนเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อไม่พลาดช่องทางในการทำกำไร”
27."ดร.สินีนาถ ไพสิฏฐานันท์" รองผู้อำนวยการสำนักกลยุทธ์และแผนงาน สายงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
 “ความเสี่ยงของการลงทุน คือ การที่ไม่เข้าใจว่ากำลังลงทุนอะไรอยู่ ดังนั้น การศึกษาการลงทุนที่ดีก่อน จะทำให้เราเข้าใจความเสี่ยงและรู้ว่าเรากำลังลงทุนอะไรอยู่ เพราะว่าเราไม่ได้ลงทุนที่ราคาหรืออดีต แต่เรากำลังลงทุนที่มูลค่าและอนาคตของบริษัทนั้นๆ”
28."ศิริรัตน์ ณ พัทลุง ต.สุวรรณ"  ผู้เขียนหนังสือเข็มทิศหัวใจ 
 "การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดที่ผ่านมาในชีวิต คือการได้ลงทุนเวลา ให้กับการพัฒนาใจตัวเอง ให้ความสงบได้กลับมาสู่ชีวิตแม้ในช่วงเวลาสั้นๆ รู้เลยว่าถ้าไม่ได้ลงทุนในครั้งนั้น คงไม่มีวันที่จะหาได้เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา  ชีวิตที่เหลืออยู่คงขาดทุนอย่างน่าเสียดาย"
29."กัณฑรัตน์  เจิมจิตรผ่อง" ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายสื่อสารองค์กรและธุรกิจ สัมพันธ์ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 
 "ทุกเวลานาทีของชีวิตคือการลงทุนในรูปแบบที่แตกต่างกัน การตัดสินใจลงทุน ควรพิจารณาจากความถนัดและความชอบส่วนตัว   เพราะความสนุกในการลงทุน จะทำให้เราใส่ใจในการต่อยอดการลงทุนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง อีกสิ่งที่พึงมีคือ สติ ที่ควรใช้ในการกำกับการตัดสินใจเพื่อให้การวางแผนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดได้ผลตามที่หวังไว้มากที่สุด "
30." ดร.เมธี จันทวิมล " ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต 
 “ผลตอบแทนจากการลงทุน  ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการจับจังหวะของตลาด แต่ขึ้นอยู่กับวินัยของตัวคุณเอง ลงทุนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ   ในทัศนะของผมความเสี่ยงที่สุดคือการปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่เริ่มลงทุนเลย  และการลงทุนที่ดีคือคุณควรจะเริ่มลงทุนตั้งแต่เมื่อวาน”
31."ดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต"  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
 "ปี 2554 นี้ ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจค่อนข้างผันผวนอย่างแน่นอนสาเหตุหลักเงินทุนนอกยังคงไหลและยังมีปัจจัยเรื่องดอกเบี้ยและความกดดันเรื่องเงินเฟ้อทางด้านการบริหารกิจการคงต้องเน้นการวางแผนธุรกิจที่มีแผนไม่ไกลจนเกินไปเน้นที่จะถือกระแสเงินสดให้มากเข้าไว้ไม่ควรทำแผนธุรกิจที่เสี่ยงเกินไปต้องทำอะไรที่ไม่มีความเสี่ยงหรือเกินตัวไปและส่วนการเรื่องลงทุนส่วนบุคคลนั้นในตลาดหุ้นก็ยังเป็นตลาดที่น่าลงทุนเนื่องจากมีการประเมินว่าดัชนีโดยรวมน่าจะปรับตัวขึ้นอีกและเป็นไปได้น่าจะไปถึง 1,200 จุด แต่ทั้งนี้ต้องให้ความสำคัญรายละเอียดของหุ้นที่จะลงทุนมากขึ้น ในการลงทุนมากยิ่งขึ้นอย่างไรก็ตาม คงเน้นปรับพอร์ตส่วนตัวมากขึ้นหันไปหาช่องทางที่ให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงระดับกลางที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 5-8% เช่น การลงทุนกองทุน  เป็นต้น”
32."ธีระยุทธ ประสิทธ์รัตนพร" รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีระมงคลอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (TMI)
 "โดยส่วนตัวมองเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจที่สุดยังคงเป็นการเข้าไปลงทุนในตลาดทองคำแท่ง  มองแนวโน้มว่าทิศทางราคาทองคำแท่งมีแนวโน้มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น  เนื่องจากมองว่าโดยรวมเศรษฐกิจปีหน้าอาจจะมีความผันผวนจากเงินไหลเข้าของทุนต่างประเทศ   โดยมองว่ารัฐบาลคงไม่ปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ   เนื่องจากจะไม่ส่งผลดีเท่าไรต่อภาคธุรกิจส่งออกของประเทศที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจโตได้ดีมาตลอด   ทางการคงต้องมีมาตรการสกัดกั้นเงินทุนไหลเข้า   ซึ่งเมื่อค่าเงินบาทอ่อนลงก็จะทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน โดยเชื่อว่าการลงทุนในตลาดทองคำคงมีมากกว่า 10% อย่างแน่นอน"
 
33."สมภพ ศักพันธ์พนม" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทโปรแมเนจเม้นท์ (APM) 
 "การทำการค้ากับต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเศรษฐกิจอเมริกายังคงไม่ดีเท่าที่ควรคนยังตกงานถึง 10% อย่างไรก็ตาม มองว่าการทำการค้าประเทศในแถบเอเชีย ทั้งตลาดอาเซียนด้วยกัน หรือเอเชียส่วนอื่นก็คงไปได้ดีเนื่องจากเงินลงทุนคงไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง  แต่ในเรื่องของการลงทุนแล้ว  ยังมองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นก็ยังเป็นสิ่งที่น่าสนใจ  ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีมองแนวโน้มทิศทางของตลาดหุ้นยังดีอยู่ ยังคงมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น ในปี 2554 แต่ทั้งนี้ต้องมีการติดตามข้อมูลและกลุ่มหุ้นต่างๆ อย่างใกล้ชิด   อย่างไรก็ตามต้องระมัดระวังเช่นกันเพราะการลงทุนนั้นก็มีความเสี่ยงเช่นกัน"
 
34."พนม ควรสถาพร" กรรมผู้จัดการ บริษัท เอเชียกรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน)(AGE)
 "ตลาดหุ้นยังเป็นช่องทางการลงทุนที่น่าสนใจ   ถ้าวันนี้นักลงทุนที่มองว่าอยากลงทุนในตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่ดี   โดยเชื่อตลาดหุ้นไทยยังคงขยับตัวและการลงทุนหุ้นควรเลือกกลุ่มลงทุนที่มีแนวโน้มที่ดีอันดับต้นๆ  คงเป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน   และมองว่าการจัดสรรเงินลงทุน   น่าจะเทน้ำหนักไปที่ตลาดหุ้นประมาณ  50% และ  25% เป็นการลงทุนออมเงินที่มั่นคงเช่นการฝากเงินหรือซื้อพันธบัตรเป็นต้น และใช้จ่ายประมาณ 25%"
35."ตัน ภาสกรนที"  ประธานกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไม่ตัน จำกัด 
 "ในท่ามกลางที่สถานการณ์ที่ขณะนี้ประเทศไทยมีความไม่แน่นอนตลอดเวลา   เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า ทั้งการเมือง เศรษฐกิจโลก น้ำท่วม ภัยหนาว เป็นต้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือการออมจะเป็นการออมในรูปแบบไหนก็ได้  แต่ต้องมีความมั่นคงและให้ผลตอบแทนที่ดี ไม่ควรที่จะใช้เงินอนาคตมากเกินไป ต้องมีการวางแผนรายได้ที่ได้มา อย่างมีประสิทธิภาพแบ่งส่วนน้อยใช้แบ่งส่วนมากออมไว้ต้องคิดไว้ว่าลำบากตอนนี้แล้วจะสบายตอนแก่   จึงอยากฝากบอกคนไทยทุกคนด้วย"
36."เดิมพัน อยู่วิทยา" AnthonyThompsons.com - Your Financial Architect 
 "99% ของมนุษย์คิดถึงอนาคตโดยมองจากสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ในขณะที่ 1% ของมนุษย์มองภาพของอนาคตเพื่อกำหนดพฤติกรรมในปัจจุบัน  จากบันทึกคำพูด 365 วันของ คันคะ มะซะโนริ  ถ้าคุณอยากจะสุขสบายจากการวางแผนทางการเงินในอนาคต เริ่มต้นกับความคิดง่ายๆ แต่ได้ผล นั่นคือ คนแบบไหนที่มีเสน่ห์กับเงิน เงินชอบอยู่กับใคร คนที่รักสะอาด ตัวหอม และ อารมณ์ดี ( หัวเราะ) ลองสังเกตดูเศรษฐี ที่คุณรูจักสิครับ  ปี 2554 นี้เริ่มต้นจากสมการรวยชัวร์ เลิกสมการ รายรับ - รายจ่าย = เงินออม นี้ซะแล้วเริ่ม รายรับ - เงินออม = รายจ่าย รับรองเหลือเงินอีกเพียบ แล้วตรวจสอบว่าเรามีความสามารถในการจัดการเงินในอดีตที่ผ่านมาเป็นอย่างไรโดยใช้สมการ  รายได้ในปีที่ผ่านมา x อายุ x10% ได้เท่าไรแล้วนำมาเปรียบเทียบกับสินทรัพย์สุทธิที่เรามีอยู่ ถ้าสินทรัพย์สุทธิน้อยกว่ามากๆ สามารถสะท้อนได้ 3 สิ่ง คือ 1.คุณมีความสามารถในการออมที่ต่ำไปไหม  ซึ่งควรจะประมาณ 15-30% ของรายรับ 2.คุณมีความสามารถในการทำผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่น้อยไปไหม  ขั้นต่ำควรจะ 6-8% ต่อปี   และ 3.หรือคุณมีการบริหารความเสี่ยงที่หละหลวมไปหรือเปล่า แล้วเริ่มแก้ปัญหาทีละจุดให้ตรงจุด ที่เหลือก็แค่ลงมือทำและอย่าล้มเลิกก่อนมันจะเป็นความจริง  อย่าลืมเริ่มลงมือภายใน 72 ชั่วโมงก่อนที่จะผ่านไปอีกปีโดยไม่ได้ทำอะไร"
37."ศัลย์ อิทธิสุขนันท์"  พิธีกร ดีเจ และเจ้าของร้านชั้นขนมหวาน  
 "อะไรก็ไม่แน่นอน ถึงแม้ตลาดหุ้นปีที่ผ่านมาค่อนข้างดี  แต่ผมว่าไม่ว่าจะลงทุนอะไรก็ตาม  เราควรมีข้อมูลที่แน่น และมีจังหวะการลงทุนที่ดี  ที่จริงปีนี้ก็มีหลายอย่างที่น่าลงทุน  นอกเหนือจากหุ้น ก็ยังมีทองคำ ที่น่าลงทุน  แต่ผมว่าอะไรไม่ดีเท่าลงทุนในกองทุนประหยัดภาษี ทั้งกองทุน LTF และ RMF"
38."วิภาวรรณ เหล่าธนาสิน" กรรมการผู้จัดการ เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท
 "การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในสุขภาพ  นอกจากจะดีที่สุดแล้วยังคุ้มค่าที่สุดด้วย  เช่นการหางานอดิเรกหรือกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยถือว่าได้ประโยชน์หลายต่อ  นอกจากสุขภาพดีโดยไม่ต้องเสียเงินแล้ว   เลยกลายเป็นว่าเราลืมเวลาที่จะเอาไปเดินชอปปิงตามห้างไปโดยปริยาย  ก็เลยกลายเป็นไม่ซื้อของโดยไม่จำเป็น"
39."อัจฉรา โยมสินธุ์" อาจารย์คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 
 "ใครที่ไม่มีเงินออมเลย ปีใหม่นี้อยากให้ลองเขียนคาถาสร้างพลังใจใส่กระเป๋าสตางค์ไว้ว่า “365 วัน...ฉันรวยได้” เพื่อเป็นเป้าหมายการออมเงินอย่างจริงจัง แล้วให้ออมเงินวันละนิดควบคู่ไปกับการประหยัดค่าใช้จ่ายทุกวัน...โดยเน้นทำ “ทุกวัน” ออมวันละนิดประหยัดวันละหน่อย รับรองถึงเส้นชัยแห่งความมั่งคั่งให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้ใน 365 วัน"
40." ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์" ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน  บลจ.อยุธยา
 "ผมว่าคนเราควรจะวางแผนการเงินให้ครอบคลุมตลอดทั้งชีวิต   สะสมเงินไปจนเกษียณและเผื่อไปถึงหลังเกษียณว่าเราต้องเตรียมเงินไว้เท่าไหร่  ขณะเดียวกัน ต้องดูด้วยว่าทางเลือกในการออมของเราจะสามารถบรรลุเป้าหมายหรือไม่  ถ้าไม่ก็ดูว่าเรามีทางเลือกอะไรบ้าง เพราะทุกวันนี้มีทางเลือกในการลงทุนมากมายทั้งในและต่างประเทศ  รวมถึงมีสินทรัพย์หลากหลายประเภท ข้อสำคัญผู้ลงทุนควรหาความรู้เพิ่มเติม และเรียนรู้เรื่องการลงทุนอยู่เสมอ"
41."นิเวศน์  เหมวชิรวรากร" นักลงทุนหุ้นคุณค่า
 "ปี 2554 ผมอยากให้นักลงทุนยึดหลักซูเปอร์คอนเซอร์เวย์ทีฟมากที่สุด  เน้นลงทุนอย่างปลอดภัยเป็นหลัก  เพราะหุ้นขึ้นติดต่อมา 2 ปีต่อเนื่องแล้ว  ราคาหุ้นส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่ถูกๆ แล้ว  ดังนั้นต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง"
42."มีสุข แจ้งมีสุข" พิธีกรรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง 
 "ในอดีตเราอาจจะคาดเดาอะไรได้แบบปีต่อปี  แต่เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็ดูยากขึ้น แม้แต่ในอนาคตอันใกล้บางทีเราก็คาดเดาได้ยากมาก ฉะนั้น สิ่งที่เราคิดว่ามันชัวร์ก็อาจจะไม่ชัวร์ก็ได้  เราได้เรียนรู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เราจึงควรรับมือกับความไม่แน่นอนด้วยการเตรียมใจ  แล้วไม่ลืมย้อนถามตัวเองอยู่เสมอว่า เราใช้ชีวิตประมาทไปหรือเปล่า  เราใช้เงินมีสติแค่ไหน  ถ้าปีที่ผ่านมาคุณยังวิ่งตามแฟชั่น วิ่งตามเทคโนโลยี คุณก็จะเป็นทาสของมันตลอด และจะตกเป็นทาสของเงินในที่สุด"
43."ณัฐพงศ์  หิรัณยศิริ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส
 "มีหลายเรื่องที่เราควรจะดูในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเฟ้อ เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป  ว่าจะกลับมาเป็นปกติแค่ไหน  ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลต่อความเคลื่อนไหวราคาทองแน่นอน  ยิ่งถ้าเงินเฟ้อกลับมาอยู่ในระดับสูง  ทองคำจะยังเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ช่วยป้องกันเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี"
44."สุทธิพงษ์ สุริยะ" ฟู้ดสไตล์ลิสต์
 "ไม่ว่าคุณจะออมยังไงก็ขอให้รักษาคุณภาพชีวิตที่ดีเอาไว้  จัดการเงินให้เป็น  ใช้เงินอย่างรอบคอบ  ผมอยากให้ทุกคนย้อนกลับไปมองวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 เป็นเครื่องเตือนใจ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตใช้เงินอย่างไม่ประมาท  เพราะเราก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดฟองสบู่แตกแบบเมื่อตอนนั้นอีกหรือเปล่า"
45."มนรัฐ ผดุงสิทธิ์" กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ 
 "ผมว่าปี 2554 เครื่องไม้เครื่องมือการลงทุนจะมีให้เลือกลงทุนเยอะมากขึ้น  ไม่ได้มีแค่หุ้นและพันธบัตร  แต่การลงทุนในต่างประเทศจะมีช่องทางและสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนมากขึ้น  สิ่งที่คุณต้องทำคือเตรียมคือความรู้เรื่องของการลงทุนที่มากกว่าปกติ"
46."นริศ อจละนันท์ "ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด  
 "สำหรับผู้ที่ยังไม่มีประกัน ขอแนะนำ ว่าประกันชีวิตจะเป็นส่วนเติมเต็มให้กับแผนการเงินของทุกคนได้ ไม่ว่าจะเป็นหลักประกันให้กับครอบครัว, กองทุนการศึกษาให้กับบุตรหลาน, เงินบำเหน็จบำนาญหลังเกษียณ, การบริหารค่าใช้จ่ายด้วยประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง หรือแม้แต่การบริหารเรื่องภาษี หลายๆ ท่านอาจจะมองว่าประกันชีวิตเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว แผนการเงินที่วางไว้จะไม่ประสบ 
ความสำเร็จถ้าขาดเรื่องของประกัน ประกันชีวิตสามารถช่วยให้คุณวางแผนการเงินของคุณได้อย่างวางใจ"
47."ชาติชาย พยุหนาวีชัย" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย 
 "ปี 2554  เป็นปีที่อสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างทรงตัว  แต่แนวโน้มดอกเบี้ยคาดว่าจะสูงขึ้น  สำหรับคนจะซื้อบ้าน ผมจึงอยากแนะนำให้วางแผนซื้อบ้านตั้งแต่ต้นปี  เพราะคิดว่าถ้าเป็นช่วงปลายปีดอกเบี้ยอาจจะแพงขึ้น  แต่ข้อสำคัญ ก่อนจะซื้อสิ่งแรกที่ผมอยากให้ดูคือความสามารถในการผ่อนชำระ  ดูว่าคุณมีรายได้เพียงพอหรือไม่ จะได้ไม่เป็นหนี้เสีย"
48.พาโชค  พงษ์พานิช" กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิคเมล็ดพันธุ์ จำกัด 
"การยึดถือเงินเป็นสรณะของชีวิตเกินไป อาจจะทำให้ชีวิตเหมือนเครื่องจักร  ไร้ความสุข อย่าแข่งกันที่จะรวยอย่างเดียว มีแล้วก็คืนให้สังคมบ้าง  ซึ่งทำได้หลายรูปแบบตามกำลังของแต่ละคน" 
 
49."ธรรมสถิตย์ แจ่มศรี" ผู้จัดการใหญ่ ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้  
 "ไม่ว่าใครจะอยู่ในสายอาชีพไหน  การวางแผนการเงินเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคนทุกอาชีพที่ควรมีการบริหารจัดการที่ถูกต้อง  เพราะจะทำให้การใช้ชีวิตสอดรับกับสิ่งที่ควรจะเป็น   ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นเกษตรกร หรือผู้บริหารระดับสูง  คุณควรจะวางแผนการเงิน  นั่นจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การดำเนินชีวิตของคุณประสบความสำเร็จ  บางคนที่ใช้ชีวิตผิดพลาดพอเราไปดูลึกๆ อ๋อเป็นเพราะเขาขาดตรงนี้นี่เอง"
50."ฐานิสร์ วัชโรทัย"  รองเลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ 
 "ในเรื่องของการวางแผนการเงินนั้น  เราควรวางแผนให้ดี ก็ช่วยให้เราดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท  โดยควรแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เก็บออมประมาณ 10%    ส่วนที่ 2 เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านและลูก  3 คน  ส่วนที่ 3 เก็บไว้สำหรับการลงทุน สร้างรายได้ให้งอกเงย  ส่วนที่ 4 สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว "
51."ดร.สมจินต์ ศรไพศาล" กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย 
 "การลงทุนถ้าสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ เข้าใจ  และมีการแบ่งเงินเป็นสัดส่วนให้ชัดเจน ก็ประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ เช่น ก้อนแรกอาจจะลงทุนระยะยาว 5-7 ปีเพื่อความมั่งคั่ง ก้อนสองลงทุน 2-3 ปี ส่วนก้อนที่ 3 เป็นเงินลงทุนที่มีสภาพคล่อง ผมว่าถ้าเราชัดเจนจะประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ไม่ยาก"
52."พรศริน เมธีวัชรานนท์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มไพร์ มอเตอร์สปอร์ต  
 "เมื่อไหร่ที่เราหารายได้มากกว่ารายจ่าย พอมีเงินออม และไม่รู้สึกลำบากในการดำรงชีวิต เมื่อนั้นคือความพอเพียงและเพียงพอของแต่ละบุคคล หากเรามีมากกว่าขั้นต่ำที่สุดที่แต่ละคนจะดำเนินชีวิตได้โดยไม่ทุกข์ เมื่อนั้นเราน่าจะเข้าสู่ความพอเพียง ในคำภาษาอังกฤษที่เราใช้เตือนตัวเองคือ “Need” หรือ “Want” เพราะ Need คือคำที่มีความสิ้นสุดมากกว่าคำว่า Want "
53."พจณี คงคาลัย" ผู้เขียนหนังสือจน เครียด เก็บตังค์สิ
 "อยากเตือนสติคนไทย ให้หันมาใส่ใจกับการออมเงินเพื่อเตรียมพร้อมตอนเกษียณ  ทุกวันนี้รู้สึกว่าคนไทยใช้ชีวิตกันอย่างประมาทมาก  ไม่ระวัง เดี๋ยวนี้คนยิ่งอายุยืนยาวขึ้น ถ้าไม่ออม ตอนเกษียณจะอยู่อย่างลำบาก  เลยอยากกระตุ้นให้ทุกคนมองอนาคตข้างหน้า  อย่าใช้ชีวิตอย่างประมาท "
 
54."ประภาส ทองสุข" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักสื่อสารองค์กร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) 
 "ผมว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดีไม่ใช่ประเด็นสำคัญ  สำคัญกว่าตรงที่เราได้ใช้จ่ายและบริหารจัดการเงินทองให้เหมาะสมหรือไม่   คนเราควรจะใช้จ่ายให้เหมาะสมกับตัวเองเป็นเรื่องดีที่สุด  ถ้าเศรษฐกิจดีรายได้เพิ่มคุณจะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นก็ไม่เห็นเป็นไร แต่ถ้าเศรษฐกิจดีแต่รายได้ไม่เพิ่มจะใช้จ่ายมากขึ้น อันนั้นคงไม่เหมาะ  ดูที่เหมาะสมกับตัวเองนั่นแหละดีที่สุด"
เขียนโดย ที่